#วงในบอกมา
- ชื่อร้านสเต๊ก “Neil's Tavern” มาจาก “Neil Armstrong” นักบินอวกาศในองก์กร NASA ผู้ที่เหยียบดวงจันทร์คนแรก ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับที่ร้านเปิดคือปี ค.ศ.1969
- วัตถุดิบภายในสเต๊กเฮาส์ “Neil's Tavern” นำเข้าจากต่างประเทศเป็นหลัก อาทิ เนื้อวัวจากอเมริกา, เนื้อแกะจากออสเตรเลีย และหอยทากจากฝรั่งเศส
- เมนูแนะนำที่อยากให้ลอง “USDA Prime Rib Eye” หมักด้วยเครื่องเทศสูตรลับ แนะนำให้กินแบบไม่มีซอสเพื่อให้ได้สัมผัสรสชาติเนื้อได้อย่างเต็มที่

เชื่อว่าคนที่รักการกินสเต๊กคงต้องคุ้นเคยกันดีกับร้าน “Neil's Tavern” แห่ง ซ.ร่วมฤดี สเต๊กเฮาส์ที่อยู่คู่กรุงเทพฯ มานับตั้งแต่ปี ค.ศ.1969 ซึ่งปัจจุบันเปิดมาเป็นรุ่นที่ 3 แล้วค่ะ แม้จะเปิดมาอย่างยาวนานแต่คุณภาพและวัตถุดิบบอกเลยไม่มีตกแถมยังมีการพัฒนาและรักษามาตรฐานได้เป็นอย่างดี

บรรยากาศร้านอาหารบรรยากาศดี “Neil's Tavern” มีทั้งหมด 2 โซน คือโซนร้านอาหารและโซนเบเกอรี Neil’s Bake Shoppe ที่เพิ่งเปิดตามมาในปี ค.ศ.1985 โดยโซนนี้จะเน้นขายเบเกอรีสูตรโฮมเมดที่ทำสดใหม่วันต่อวัน อีกทั้งยังมีเครื่องดื่มชา กาแฟ ให้นั่งจิบเพลิน ๆ อีกด้วย

เปิดกันด้วยเมนูที่คนรักสเต๊กต้องยกนิ้วให้! “Rib Eye” (2,300 บาท) ทางร้านเลือกใช้เนื้อสันนอกชิ้นใหญ่เกรดพรีเมียม USDA Prime ส่งตรงจากอเมริกา พร้อมหมักด้วยเครื่องเทศสูตรลับ โดยเน้นที่การย่างเพื่อดึงเอาจุดเด่นของเนื้อออกมาให้ได้มากที่สุด โดยเมนูนี้แนะนำว่าสามารถกินได้แบบไม่ต้องจิ้มซอสเลยล่ะค่ะ เพื่อจะได้สัมผัสทั้งรสชาติ กลิ่นหอมและเทกซ์เจอร์ของเนื้อเต็ม ๆ


ต่อด้วยเมนูแนะนำ “Escargots” (480 บาท) หอยทากนำเข้าจากฝรั่งเศส เทกซ์เจอร์นุ่มนิ่ม ผัดกับซอสเนยกระเทียมสูตรพิเศษของร้านจนได้รสชาติและกลิ่นหอมกระเทียมอ่อน ๆ เป็นเอกลักษณ์ กินคู่กับขนมปังซาวโดว์ถือเป็นความลงตัวที่อยากให้ลิ้มลองกันให้ได้เลยค่ะ


“Snowfish Truffle Sauce” (1,420 บาท) ปลา Snow Fish นำเข้าจากประเทศฝรั่งเศสเสิร์ฟมาชิ้นโต เนื้อแน่น พร้อมโดดเด่นด้วยกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของซอสทรัฟเฟิลที่สลับการนำเข้าตามฤดูกาลจากอิตาลีและฝรั่งเศส รสสัมผัสแรกเมื่อกินสัมผัสได้ถึงความมันของเนื้อปลาผนวกกับความครีมมีและกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของทรัฟเฟิล ใครที่ชอบทรัฟเฟิลเป็นทุนเดิมห้ามพลาดที่จะสั่งเมนูนี้เลยค่ะ


ตามด้วยเมนูเสิร์ฟอลังการ “Lobster Thermidor” (3,450 บาท) กุ้งล็อบสเตอร์ไซส์โต เนื้อแน่น เสิร์ฟมาทั้งตัวพร้อมหั่นแบบพอดีคำ ผัดกับครีมและไวน์จนได้ที่ ก่อนจะนำไปอบชีสเน้น ๆ จนละลายพร้อมให้กินคู่กันแบบฟิน ๆ เมนูนี้นอกจากจะเต็มอิ่มกับเนื้อล็อบสเตอร์แน่น ๆ ยังได้รสชาติชีสสุดละมุนให้สุขอีกขั้นด้วยล่ะ


“Lamb Cranberry Sauce” (1,250 บาท) เนื้อแกะอิมพอร์ตจากออสเตรเลีย จากนั้นนำมาปรุงให้รสชาติตัดกันกับซอสแครนเบอร์รี สำหรับเมนูนี้มีความพิเศษด้วยเทกซ์เจอร์ของเนื้อแกะอีกทั้งรสชาติเปรี้ยวอมหวานที่ตัดกันอย่างลงตัว


ปิดท้ายด้วยเมนูเค้กซิกเนเจอร์ ที่หากมาร้าน “Neil's Tavern” แล้วไม่ได้สั่งถือว่าพลาด! “Viennese Chocolate Cake” (148 บาท) เค้กชิฟฟอนครีมสดราดซอสช็อกโกแลตสุดเข้มข้นที่มีมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1969 กินคำแรกสัมผัสได้ถึงความนุ่มละมุนของเนื้อเค้ก พร้อมความมันของครีมและรสชาติเข้มข้นของช็อกโกแลตที่ฟุ้งไปทั่วทั้งปาก ไม่แปลกใจเลยล่ะค่ะว่าทำไมเมนูนี้ถึงได้ครองใจใครหลาย ๆ คน

ก่อนจบมื้อนี้แน่นอนค่ะว่าได้รับความประทับใจไปเต็ม ๆ ทั้งอาหารและบรรยากาศสุดพิเศษที่สร้างได้เพียงก้าวเข้ามาที่ ร้านอาหารบรรยากาศดี เพลินจิต “Neil's Tavern” กำลังจะหยิบกระเป๋าเงินคู่ใจขึ้นมาจ่าย ทางร้านรีบบอกทันทีว่ามีช่องทางที่สะดวกและรวดเร็วกว่า เพียงสแกนจ่ายเงินผ่าน QR Code แม่มณี แค่นี้ก็เรียบร้อยเพียงปลายนิ้วสัมผัส แถมยังสามารถเก็บเงินสดไว้ใช้จ่ายค่าทางด่วนแบบได้ชิล ๆ เลยล่ะ :)

การเดินทาง
ใครสนใจมาสเต๊กเฮาส์หรือกำลังมองหา ร้านอาหารบรรยากาศดี เพลินจิต “Neil's Tavern” สามารถมาได้เลยค่ะที่ 58/4 ซ.ร่วมฤดี หากมาจากถ.วิทยุ เลี้ยวเข้า ซ.ร่วมฤดีจากนั้นสังเกตฝั่งซ้ายมือ หากมาจาก ถ.เพลินจิต เมื่อเลี้ยวเข้าซอยมาแล้วให้ตรงมาเรื่อย ๆ จนถึงโบสถ์มหาไถ่จากนั้นเลี้ยวขวา และสังเกตด้านขวาได้เลยค่ะ หรือใครไม่สะดวกสามารถมาทางรถไฟฟ้าใต้กิน MRT ลุมพินี และ BTS เพลินจิต และต่อรถมาประมาณไม่เกิน 10 นาทีได้เลย